Posted on

5 อันดับ เมนูกาแฟยอดฮิตติดชาร์ตที่คนไทยสั่งมากที่สุด

กาแฟถือได้ว่าเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของคนหลากหลายวัย อีกทั้งวัยรุ่นสมัยนี้หันมาดื่มกาแฟกันมากขึ้นทำให้มีเมนูใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างมากมาย ตามความครีเอทของบาริสต้าแต่ละร้าน แน่นอนว่าทุกคนจะต้องมีกาแฟแก้วโปรดในใจอยู่แล้ว แก้วที่ต้องสั่งซ้ำๆ ทุกวัน วันนี้เราจะพาไปดูชาร์ตกาแฟยอดฮิต 5 อันดับที่คนไทยสั่งกันมากที่สุด มาดูกันว่าในชาร์ตนี้จะมีกาแฟแก้วโปรดของคุณบ้างหรือเปล่า

อันดับที่ 5 Americano

เริ่มที่อันดับ 5 เป็นกาแฟดำที่ทำจาก ช็อต Espresso เจือจางด้วยน้ำร้อน  ทำให้รสชาติไม่หนักจนเกินไป ได้ดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟแท้ๆ แบบไม่ปรุงแต่ง เหมาะกับสายสุขภาพ ดื่มได้เรื่อยๆ ทั้งร้อนและเย็น แต่สำหรับใครที่ติดหวานสามารถเติมไซรัปได้ตามความชอบด้วย

อันดับที่ 4 Espresso

เป็นกาแฟดำอีกหนึ่งตัวที่ครองใจหลายๆ คน ช็อตกาแฟเข้มข้นไม่มีส่วนผสมอื่นๆ ใช้วิธีการปล่อยน้ำไหลผ่านผงกาแฟ กลั่นออกมาจากเมล็ดที่บดแล้ว ทำให้ได้รสชาติของกาแฟที่เข้มข้น เหมาะสำหรับคนที่ชอบดื่มกาแฟเข้มๆ เพราะจะได้ดื่มด่ำรสชาติกาแฟอย่างเต็มที่ และ Espresso มักเป็นส่วนผสมของเมนูอื่นๆ ด้วย

อันดับที่ 3 Mocha

เป็นเมนูยอดฮิตสำหรับวัยรุ่น เพราะเป็นกาแฟที่มีส่วนผสมของนมและช็อกโกแลตช่วยเพิ่มความเข้มข้นและความหอมที่เป็นเอกลักษณ์และไม่ขนจนเกินไป จึงกลายเป็นกาแฟแก้วโปรดของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะคนที่เลือกไม่ได้ว่าจะดื่มกาแฟหรือช็อกโกแลตดี

อันดับที่ 2 Cappuccino

กาแฟที่มีส่วนผสมของนมสดรสเข้มข้น กาแฟเข้มๆ กับนมในอัตราส่วนที่ลงตัวแล้วท็อปด้วยฟองนมนุ่มๆ โรยหน้าด้วยผง Cinnamon จึงทำให้ Cappuccino มีรสชาติที่กลมกล่อม หอม คลองใจคนไทยได้ไม่ยาก เหมาะกับคนที่ชื่นชอบกาแฟใส่นมที่เข้มข้นในระดับกลางๆ สำหรับใครที่ไม่ชอบกลิ่น Cinnamon สามารถเปลี่ยนเป็นผง Cocoa แทนได้

อันดับที่ 1 Latte

มาถึงกาแฟยอดฮิตที่คนไทยสั่งกันมากที่สุดอันดับที่ 1 นั่นก็คือ Latte นั่นเอง เป็นกาแฟที่ผสมผสานระหว่างช็อต Espresso 1 ส่วน กับนมร้อน 2 ส่วน ให้รสชาติกาแฟอ่อนๆ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มกาแฟเข้ม อยากได้แค่สัมผัสเบาๆ Latte ถือว่าตอบโจทย์ ด้วยรสชาติที่ดื่มง่ายและ Latte art ที่สวยงามจึงทำให้กาแฟแก้วนี้อยู่อันดับหนึ่งได้ไม่ยาก

ตรงใจกันบ้างหรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะชื่นชอบกาแฟประเภทไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเลือกเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ “อะมา” จะช่วยให้กาแฟทุกแก้วของคุณอร่อยยิ่งขึ้น เพราะเป็นเมล็ดกาแฟที่ใส่ใจทุกขั้นตอน รสชาติกาแฟอาราบิก้าแท้ที่ปลูกบริเวณเขาปางขอน และบ่มเพาะเป็นเวลานานถึง 8 เดือน ทำให้มีลักษณะรสชาติพิเศษไม่เหมือนใคร สนใจสั่งซื้อเมล็ดกาแฟ “อะมา” ได้ที่ https://www.amaexoticcoffee.com/

Posted on

เทคนิคการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟฉบับเทียบเท่ามืออาชีพ

การที่จะชงกาแฟสักแก้วหนึ่งให้ออกมารสชาติดีและมีกลิ่นหอม ประกอบด้วยหลายปัจจัยมากๆ นอกจากจะต้องมีสูตรการชงที่ดี กรรมวิธีที่ถูกต้อง เมล็ดกาแฟคั่วก็มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก สำหรับมือใหม่อาจจะยังงงๆ ว่าเวลาเลือกซื้อเมล็ดกาแฟคั่วควรดูจากอะไรบ้าง วันนี้เรามีเทคนิคการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟฉบับเทียบเท่ามืออาชีพมาฝาก มาดูกันว่าเวลามือโปรเค้าเลือกซื้อเมล็ดกาแฟคั่วเค้าดูจากอะไรบ้าง

ระยะเวลาที่กาแฟคั่วเอาไว้ วันเดือนปีผลิต วันเดือนปีหมดอายุ

เมล็ดกาแฟคั่วจะนับอายุจากวันที่คั่วเสร็จเป็นวันแรก กาแฟหลังจากการคั่วแล้วจะมีอายุแค่เพียง 4-6 สัปดาห์ หลังจากนั้นแล้ว กาแฟจะเริ่มเสื่อมคุณภาพลงไปเรื่อยๆ ซึ่งระยะเวลาหลังคั่วที่จะให้รสชาติและกลิ่นที่ดีที่สุดคือ 2-3 วันหลังคั่ว ควรเลือกถุงที่ใหม่กว่าเพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นที่สมบูรณ์

เลือกซื้อในปริมาณที่เหมาะสมกับการบริโภค

อย่างที่บอกว่าเมล็ดกาแฟคั่วมีอายุการเก็บสั้น ถ้าทิ้งเอาไว้นานๆ ความหอมและรสชาติก็จะน้อยลงเรื่อยๆ แนะนำให้ซื้อในปริมาณที่เหมาะสม ใช้ให้หมดภายใน 1 อาทิตย์

เลือกเมล็ดกาแฟที่ถูกบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่ดี

เมล็ดกาแฟคั่วจะไม่ถูกกับแสงแดดและความชื้น จึงควรถูกบรรจุอยู่ในถุงที่ทึบแสง ที่สำคัญเมล็ดกาแฟจะคายอากาศและความชื้น ซึ่งส่งผลให้คุณภาพลดลงและอาจมีกลิ่นหืนได้ จึงควรเลือกกาแฟที่บรรจุในซองระบายอากาศ หรือ Freshness Wolves 

เลือกแหล่งที่มา

เลือกเมล็ดกาแฟคั่วที่มีรสชาติเฉพาะตัวเป็นพิเศษจากการผลิตของเมืองนั้นๆ

เลือกระดับความเข้มข้น

เลือกระดับความเข้มข้นของกาแฟได้จาก ระดับของการคั่วเมล็ด ซึ่งปกติจะแบ่งเป็น 3 ระดับ นั่นก็คือ

  1. Light Roast  กาแฟที่คั่วอ่อน เป็นสีน้ำตาลอ่อน ผิวแห้ง รสชาติ ความเปรี้ยวและกลิ่นของผลไม้จะยังคงหลงเหลืออยู่ก็ ให้ความรู้สึกถึงรสผลไม้บางอย่าง หรือกลิ่นดอกไม้ที่เป็นลักษณะเฉพาะของเมล็ดกาแฟนั้นได้เด่นชัด
  2. Medium Roast กาแฟที่คั่วกลาง สีน้ำตาลกลางถึงน้ำตาลเข้ม ผิวยังแห้งอยู่ คั่วกลางแบบนี้ เซลลูโลสโดนทำลายไม่หมด แต่ลดความเป็นผลไม้ลง เริ่มมีกลิ่นที่เข้มขึ้น ให้ความรู้สึกไปทางช็อกโกแลตหรือถั่วมากขึ้น
  3. Dark Roast กาแฟที่คั่วเข้ม สีเข้มจัดจนเกือบดำ มีน้ำมันเคลือบผิวกาแฟจนเป็นเงา เซลลูโลสในกาแฟโดนทำลายซึ่งทำให้สูญเสียรสชาติผลไม้ และมีกลิ่นไหม้ รสชาติขม เข้มแทน

สำหรับใครที่ชื่นชอบกาแฟคั่ว ขอแนะนำ “อะมา” แบรนด์กาแฟที่เป็นผลผลิตจากความตั้งใจของชาวเขา เกิดจากแหล่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ปลูกบนยอดเขาที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 1,280 เมตร ไร้การรบกวนจากภายนอก รสชาติพิเศษไม่เหมือนใคร นุ่มนวล กลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ จากดินเขาปางขอน ควบคุมกระบวนการปลูกและคัดสรรอย่างพิถีพิถัน สนใจสั่งซื้อได้ที่ https://www.amaexoticcoffee.com/ รับรองว่าไม่เหมือนใครแน่นอน

Posted on

5 เคล็ดลับ ชงกาแฟเองยังไงให้หอม เหมือนมีบาริสต้ามาชงให้เอง

สำหรับคอกาแฟ การได้ดื่มกาแฟที่มีกลิ่นหอมมันเป็นยิ่งกว่าสวรรค์จริงๆ แต่เคยรู้สึกกันบ้างหรือไม่ว่า ทำไมกาแฟที่ซื้อตามร้านที่ชงโดยบาริสต้าถึงมีความหอมมากกว่าชงเอง จริงๆ แล้วมีหลายปัจจัยเลย แต่ถ้าจะให้ซื้อดื่มทุกวันก็ดูท่าจะไม่ไหว เพราะกาแฟตามร้านดีๆ ราคาสูงพอสมควร วันนี้เราเลยมีเคล็ดลับดีๆ มาฝาก มาดูกันว่าจะชงกาแฟเองยังไงให้หอม

  1. เลือกเมล็ดกาแฟดีๆ มีคุณภาพ

สำหรับคนที่เป็นคอกาแฟน่าจะรู้อยู่แล้วว่า การเลือกเมล็ดกาแฟมีส่วนสำคัญมาก แนะนำว่าให้ซื้อเมล็ดกาแฟจากร้านประจำ หรือเชื่อถือได้ เลี่ยงการซื้อเมล็ดกาแฟจากห้างสรรพสินค้าหรือร้านขายของชำ เพราะคุณจะไม่รู้ว่าเมล็ดกาแฟถูกทิ้งเอาไว้นานแค่ไหนแล้ว ปกติเมล็ดกาแฟจะมีอายุการเก็บหลังคั่วประมาณ 21 วันเท่านั้น เมล็ดกาแฟที่สดใหม่จะทำให้กาแฟของคุณหอมและรสชาติดี

  1. เลือกกระดาษกรองให้เหมาะสม

กระดาษกรองหรือฟิลเตอร์มีส่วนที่ทำให้กลิ่นกาแฟของคุณลดลง หากใช้ของที่ไม่มีคุณภาพ ราคาถูก ควรใช้กระดาษกรองที่ระบุว่า Oxygen Bleached หรือ Dioxin Free เพื่อคงคุณภาพของกาแฟ ทำให้กาแฟที่คุณชงมีกลิ่นและรสชาติที่ดีกว่า

  1. อุณหภูมิน้ำต้องเหมาะสม

อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมกับการชงกาแฟจะอยู่ที่ 90.5 – 96 องศาเซลเซียส จะทำให้การสกัดน้ำมันหอมระเหยและน้ำตาลคาราเมลจากเมล็ดกาแฟออกมาได้ดีที่สุด 

  1. ขนาดของผงกาแฟ บดเมล็ดกาแฟให้เหมาะสม

การบดกาแฟ ขนาดของผงก็มีผลต่อกลิ่นเหมือนกัน ระดับความละเอียดควรเลือกตามชนิดของกาแฟที่ต้องการชง เช่น หากคุณใช้เครื่องชงกาแฟแบบดริป คุณอาจจะต้องบดการแฟให้ละเอียด ลองจับดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกำลังขยี้ขนมปังกรอบ แต่ถ้าชงเอสเปรซโซ่ ผงกาแฟควรมีความละเอียดอยู่ระหว่างน้ำตาลทรายกับผงน้ำตาลไอซิ่ง

  1. เก็บเมล็ดกาแฟ และอุปกรณ์ให้ถูกวิธี

เก็บเมล็ดกาแฟอย่างเหมาะสมจะช่วยรักษากลิ่นของกาแฟเอาไว้ เมื่อแกะถุงแล้วควรเก็บใส่โหลทึบแสงที่อากาศไม่เข้า จะช่วยรักษาคุณภาพของกาแฟเอาไว้ ไม่ควรนำเมล็ดกาแฟใส่ตู้เย็นหรือช่องแช่แข็ง เพราะจะทำให้น้ำมันหอมระเหยเสื่อมสภาพได้ ส่วนอุปกรณ์ควรทำความสะอาดทุกๆ 2 สัปดาห์ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและคราบไขมันสะสม

อย่างที่บอกว่าการเลือกเมล็ดกาแฟมีส่วนสำคัญมากๆ “อะมา” แบรนด์เมล็ดกาแฟชนิดพิเศษของไทย (exotic) รสชาติกาแฟอาราบิก้าแท้ ที่มีรสชาติ นุ่มนวล กลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ จากดินเขาปางขอน หาดื่มได้ยาก มีความพิถีพิถันทุกขั้นตอน ทำให้คุณมั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้เมล็ดกาแฟที่สดใหม่และมีคุณภาพ สนใจสั่งซื้อได้ที่ https://www.amaexoticcoffee.com/ รับรองว่ากาแฟของคุณจะหอมเหมือนมีบาริสต้ามาชงให้เอง

Posted on

5 สิ่งสำคัญที่ต้องมี สำหรับคนที่อยากเป็นบาริสต้า

บาริสต้าถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่หลายๆ คนใฝ่ฝัน ซึ่งถ้าเป็นสายตาคนภายนอก บาริสต้าก็เป็นแค่คนชงกาแฟเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วบาริสต้าเป็นมากกว่านั้น จะต้องใส่ใจ และจะต้องมีความรู้เฉพาะด้านกาแฟที่แน่นมากๆ ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงความรู้ระดับสูง

เพราะแบบนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสามารถทำอาชีพนี้ได้ แต่ไม่มีอะไรยากเกินไปกว่าความพยายามหากคุณชอบและหลงไหลในกาแฟจริงๆ วันนี้เรามีคุณสมบัติ 5 สิ่งสำคัญสำหรับคนที่อยากเป็นบาริสต้ามาฝาก

  1. เป็นบาริสต้าต้องดื่มกาแฟเป็น

บาริสต้าเป็นอาชีพที่ต้องคลุกคลีกับกาแฟ ต้องมีความรู้เรื่องชนิดของกาแฟ ที่มาที่ไปของกาแฟทั้งหมด ถ้าหากไม่ชอบดื่มกาแฟน่าจะลำบากเอาเรื่องเลย เพราะบาริสต้าที่ดีต้องไม่หยุดเรียนรู้ ต้องทดลองอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอด ถ้าคุณไม่ดื่มกาแฟ คุณจะไม่สามารถพัฒนาสูตรกาแฟต่อไปได้

  1. เป็นบาริสต้าต้องความจำดี

การจะเป็นบาริสต้าที่ดีได้ จะต้องมีไหวพริบและความจำที่ดี ต้องจำรายละเอียดของลูกค้าได้ ลูกค้าคนไหนชอบดื่มอะไร สังเกตรายละเอียดต่างๆ และต้องพูดให้เป็น เช่น ถ้าลูกค้าสั่ง “เอสเปรสโซ่ใส่นมสด” ซึ่งปกติเอสเปรสโซ่จะไม่ใส่นม แต่ถ้าพูดตรงๆ จะดูเป็นการหักหน้าลูกค้า บาริสต้าที่ดีต้องมีวิธีพูดหรือวิธีแนะนำที่เหมาะสม 

  1. เป็นบาริสต้าต้องมีความอดทน

อย่างที่บอกว่าการเป็นบาริสต้าไม่ใช่เรื่องง่าย คุณต้องฝึกฝนอย่างหนัก ต้องใส่ใจทุกรายละเอียด ไหนจะต้องทำหน้าที่อื่นในร้านอีก บางร้านให้ค่าตอบแทนน้อย ทำงานหนักแต่เงินไม่พอใช้ ฉะนั้นคุณต้องมีความอดทนพอสมควรเลย

  1. เป็นบาริสต้าต้องรักความสะอาด

บาริสต้าต้องสะอาด ทั้งร่างกายมือ เล็บ ผม เสื้อผ้า ยันหนวดเครา รวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ในการทำกาแฟจะต้องสะอาด และที่สำคัญบาริสต้าส่วนใหญ่จะไม่ฉีดน้ำหอม เพราะมันจะกลบกลิ่นกาแฟ

  1. เป็นบาริสต้าต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง และมี Service Mind

ใครที่จะเป็นบาริสต้าต้องใจรักกาแฟและงานบริการจริงๆ อย่าคิดว่าแค่ทำให้จบๆ และอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้บาริสต้าน่าสนใจคือ ต้องมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง จะทำให้ลูกค้าติดมากขึ้น

นอกจากคุณสมบัติเหล่านี้ อีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยให้ลูกค้าติดใจนั่นก็คือ รสชาติของกาแฟ เป็นบาริสต้าต้องรู้จักเลือก เมล็ดกาแฟต้องปลูกในที่อุดมสมบูรณ์ มีขั้นตอนผลิตที่พิถีพิถัน คัดเฉพาะผลสีแดงเท่านั้น แล้วนำมากระเทาะเปลือกภายในเวลาไม่เกิน 24 ชม. บ่มเพาะเป็นเวลานานถึง 8 เดือน

เลือกเมล็ดกาแฟคั่วที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครอย่าง “อะมา” ตัวช่วยที่จะทำให้รสชาติของกาแฟหอมและอร่อย สนใจสั่งซื้อได้ที่ https://www.amaexoticcoffee.com/