Drip กาแฟ เป็นการชงกาแฟที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและเป็นวิธีการชงกาแฟที่ง่าย ซึ่งในอดีตการดริปกาแฟเป็นที่นิยมในทวีปยุโรป สแกนดิเนเวีย เกาหลี และญี่ปุ่น โดยการดริปกาแฟสามารถที่จะดึงรสชาติของกาแฟคั่วบดออกมาได้เป็นอย่างดี
การจะดริปกาแฟให้อร่อยนั้นมีหลากหลายเทคนิค ไม่ว่าจะเป็น การคัดสรรคุณภาพของเมล็ดกาแฟที่ต้องผ่านการคั่วสดใหม่ อย่างกาแฟแบรนด์ อะมา เป็นกาแฟที่มีรสชาติพิเศษไม่เหมือนใคร
นอกจากนี้ขั้นตอนการเก็บเมล็ดกาแฟก็ยังเป็นจุดสำคัญที่ต้องเก็บในภาชนะที่ห่อถูกปิดสนิท ไม่ให้อากาศและความชื้นผ่านเข้าไปโดนเมล็ดกาแฟได้ เพราะจะทำให้เสียรสชาติ การดริปกาแฟมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก และเป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติกาแฟที่ดีที่สุด
1.อัตราส่วนปริมาณกาแฟต่อน้ำ
ปริมาณของกาแฟและน้ำที่ใช้การดริปนั้นต้องมีอัตราส่วนที่พอดี หากใส่น้ำมากไปก็จะทำให้รสชาติของกาแฟนั้นจางลง ซึ่งในอัตราส่วนที่จะทำให้ได้รสชาติของกาแฟที่ดีที่สุดที่แนะนำคือ กาแฟ 1 กรัม ต่อน้ำ 15-17 กรัม โดยสามารถปรับปริมาณของน้ำได้ตามความชอบของแต่ละคน
2.ลักษณะของ Dripper
- ลักษณะของตัวกรอง (filter) จะมีหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ, ผ้า, โลหะ ซึ่งในแต่ละอันนั้นจะมีจุดเด่นจุดด้อยที่ต่างกันออกไป อย่างเช่น ตัวกรองแบบโลหะรูของ Dripper จะใหญ่กว่า ทำให้ได้น้ำเยอะกว่า แต่จะมีผงกาแฟปนอยู่ในแก้วด้วย ซึ่งแบบกระดาษจะมีรูที่เล็กกว่าทำให้กรองผงกาแฟได้ดีกว่า ทำให้ได้น้ำที่ใสกว่า แต่บางทีอาจจะมีรสชาติของกระดาษติดในกาแฟแก้วนั้น จึงควรต้องล้างก่อนใช้
- การไหลของน้ำ (Flow Rate) ลักษณะของรูใน Dripper ที่ให้น้ำไหลออกมานั้นก็มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งรูเล็กหนึ่งรู หรือหลายรู บ้างก็เป็นรูขนาดใหญ่ โดยถ้าการจะให้น้ำไหลช้าหรือไว ก็ขึ้นอยู่กับการบดขนาดกาแฟให้เหมาะสมกับ Dripper
3.ขนาดบดเมล็ดกาแฟ
ปัจจัยของขนาดในการบดเมล็ดกาแฟนั้นขึ้นอยู่กับรสชาติที่ต้องการ และลักษณะของ Dripper หาก Dripper มีรูขนาดเล็กก็ต้องบดกาแฟให้ละเอียด เพราะจะทำให้รสชาติมีความเข้มข้น
4.การเทน้ำและระยะเวลา
ระยะเวลาในการชง หากใช้เวลานานแสดงว่าการไหลของน้ำนั้นช้า จะทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น แต่หากใช้เวลาไม่นานแสดงว่าน้ำไหลไว กาแฟจะมีรสชาติที่จางลง ซึ่งการเทน้ำถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการไหลของน้ำเช่นกัน
ในการเทน้ำร้อนลงไปในถ้วยดริป ควรเทให้ปริ่มๆกับระดับปริมาณของกาแฟก่อน และรอประมาณ 30-40 วินาที เพื่อให้กาแฟคลายแก๊ส (ไม่ควรเทจนเต็มแก้วดริปเลยตั้งแต่แรก จะทำให้เสียรสชาติ) แล้วจึงค่อยๆเทวนให้ได้ตามปริมาณน้ำที่ต้องการ
5.อุณหภูมิ
ยิ่งอุณหภูมิสูงยิ่งทำให้รสชาติของกาแฟนั้นเข้มขึ้น ซึ่งอุณหภูมิที่แนะนำจะอยู่ที่ประมาณ 92-94 องศา
การ Drip กาแฟเป็นกาแฟดำที่สามารถดื่มได้เลยโดยไม่ต้องปรุงแต่งจะทำให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติของกาแฟที่ดีที่สุด และยังมีประโยชน์ต่อคนที่ต้องการลดน้ำหนักอีกด้วย นอกจากนี้ถ้าอยากได้รสชาติกาแฟที่ไม่เหมือนใคร ต้องไม่ลืมลอง กาแฟแบรน์ อะมา ปางขอน ที่นอกจากจะได้ดื่มกาแฟชนิดพิเศษ รสชาติดีเยี่ยม และยังได้ช่วยชาวเขาอีกด้วย